ความเจริญรุ่งเรืองและความสวยงามของกรุงศรีอยุธยา จากสายตาของชาวต่างประเทศ
โยส เซาเต็น ชาวฮอลันดาที่เข้ามาติดต่อค้าขายในพระนครศรีอยุธยา (ฝรั่งชาติแรกที่เข้ามากรุงศรีอยุธยา คือ ปอร์ตุเกส ในสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 พ.ศ.2034-2072) ได้เขียนพรรณนาความสวยงามและความมั่งคั่งของกรุงศรีอยุธยาไว้ว่า
|
ประวัติการครองราชย์ของพระมหากษัตริย์ และเหตุการณ์โดยย่อ
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทองสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.1893 เป็นกษัตริย์ราชวงศ์เชียงราย ทรงปกครองกรุงศรีอยุธยาจนถึง พ.ศ. 1912 ก็สวรรคต พระราเมศวรพระราชโอรสที่ครองเมืองลพบุรีเสด็จมาเสวยราชแทนพระราชบิดา (พ.ศ.1912-1913) แต่ขุนหลวงพะงั่ว พระปิตุลา (อา) เสด็จเข้ามาหมายจะครองราชย์ จึงทรงสละราชบัลลังก์กลับไปครองเมืองลพบุรีดังเดิม
ขุนหลวงพะงั่วเสวยราชสมบัติกรุงศรีอยุธยา ทรงพระนามว่า พระบรมราชาธิราชที่ 1 เป็นต้นราชวงศ์สุวรรณภูมิ ครองราชย์ พ.ศ.1913 ถึงพ.ศ.1931 เสด็จสวรรคต พระเจ้าทองลัน ราชโอรสขึ้นเสวยราชย์แทน เมื่อพระชนมายุ 15 พรรษา เพียง 7 วัน พระราเมศวรก็เสด็จมาจับปลงพระชนม์
สมเด็จพระราเมศวร ทรงครองราชย์ตั้งแต่พ.ศ.1931 ถึงพ.ศ.1938 ทรงเป็นจอมทัพยกไปตีเมืองกำพูชาได้
สมเด็จพระรามราชาธิราช พระราชโอรสเสวยราชสมบัติแทนพระราชบิดา พ.ศ.1938 ครั้นถึงพ.ศ.1952 ก็เกิดเหตุการณ์แย่งชิงราชสมบัติเป็นครั้งแรกของกรุงศรีอยุธยา คือพระราชนัดดาของขุนหลวงพะงั่วที่ครองเมืองสุพรรณมาจับพระรามราชาธิราชปลงพระชนม์แล้วขึ้นครองราชย์แทน ทรงพระนามว่า สมเด็จพระนครินทราชาธิราช
สมเด็จพระนครินทราชาธิราช ครองราชย์ พ.ศ.1952 ถึงพ.ศ.1967 มีพระโอรส 3 พระองค์ คือ เจ้าอ้ายพระยา โอรสองค์ใหญ่ทรงให้ครองเมืองสุพรรณ เจ้ายี่พระยา โอรสองค์กลางให้ครองเมืองสรรค์ และเจ้าสามพระยา โอรสองค์เล็กให้ครองเมืองชัยนาท เมื่อพระราชบิดาสวรรคต โอรสทั้งสามก็ยกทัพเข้ากรุงศรีอยุธยา เจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยาชนช้างกันที่เชิงสะพานป่าถ่าน สวรรคตบนคอช้างทั้งสองพระองค์ เจ้าสามพระยายกทัพมาภายหลังก็เข้ากรุงศรีอยุธยาเสวยราชย์สมบัติแทนพระราชบิดาทรงพระนามว่า พระบรมราชาธิราชที่ 2
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ครองราชย์ พ.ศ.1967 ถึงพ.ศ.1991 ทรงมีพระราชโอรสทรงพระนามว่า พระราเมศวร โปรดให้ไปครองหัวเมืองเหนือ ณ เมืองพิษณุโลก ครั้นพระราชบิดาสวรรคตก็เสด็จขึ้นครองราชย์แทนพระราชบิดา ทรงพระนามว่า พระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ครองราชย์ พ.ศ. 1991 ถึง พ.ศ.2031 เหตุการณ์สำคัญในสมัยนี้คือ ทรงยกทัพไปรบกับพระเจ้าติโลกราชแห่งเชียงใหม่ ทรงยกเมืองพิษณุโลกเป็นเมืองหลวง เสด็จไปประทับพ.ศ. 2006 จนสวรรคตที่นั่น ส่วนกรุงศรีอยุธยาให้เป็นเมืองลูกหลวง โปรดให้พระบรมราชา พระโอรสองค์ใหญ่มาครอง สมัยนี้มีการปรับปรุงระบบการปกครองเป็น เวียง วัง คลัง นา และบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 ครองราชย์ พ.ศ.2031 ถึงพ.ศ.2034 เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แทนพระราชแทนพระราชบิดาทำให้กรุงศรีอยุธยากลับมาเป็นเมืองหลวง แต่ครองราชย์ได้เพียง 3 ปีก็สวรรคต พระอนุชาต่างพระมารดาขึ้นเสวยราชย์สมบัติแทนทรงพระนาม สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ครองราชย์ พ.ศ.2034 ถึง พ.ศ.2072 ในสมัยนี้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นครั้งแรก คือ ฝรั่งชาวปอร์ตุเกสได้เข้ามาติดต่อค้าขายกับกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งแรก ในสมัยนี้ได้จัดทำตำราพิชัยสงคราม เมื่อเสด็จสวรรคตสมเด็จพระอาทิตย์วงศ์พระราชโอรสขึ้นเสวยราชย์แทน ทรงพระนามว่า พระบรมราชามหาหน่อพุทธางกูร
สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 (หน่อพุทธธางกูร) ครองราชย์ พ.ศ.2072 ถึงพ.ศ.2076 ทรงครองราชย์ได้เพียง 5 ปีก็ประชวรทรพิษสวรรคต พระรัษฎาธิราชกุมาร พระชนม์ 5 พรรษา ขึ้นเสวยราชย์แทน
สมเด็จพระรัษฎาธิราชกุมาร ครองราชย์พ.ศ.2076 อยู่ได้เพียง 5 เดือน พระไชยราชาธิราชก็ปลงพระชนม์และขึ้นครองราชย์แทน
สมเด็จพระไชยราชาธิราช เสวยราชย์ พ.ศ.2077 ถึงพ.ศ.2090 ได้ทำสงครามกับพม่าเป็นครั้งแรก ทำให้รบกันยาวนานต่อมาถึง 300 ปีเศษ เมื่อเสด็จสวรรคต พระแก้วฟ้า พระโอรสองค์ใหญ่ พระชนมายุ 11 พรรษาขึ้นครองราชย์สืบแทน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ (สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์) ครองราชย์ พ.ศ.2301 ถึงพ.ศ.2310 ขุนนางไม่พอใจจึงพากันออกบวชเป็นอันมาก ปลายปีพ.ศ.2308 กองทัพพม่าเห็นความระส่ำระส่ายของกรุงศรีอยุธยาจึงยกกองทัพเข้าตีตามรายทาง และเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าเอกทัศน์ไม่มีพระสติปัญญาบริหารบ้านเมืองและบัญชาการรบ จึงให้อัญเชิญเจ้าฟ้าอุทุมพรทรงลาผนวชมาครองราชย์และบัญชาการรบทำให้พระเจ้าเอกทัศน์อยากครองราชย์อีก เจ้าฟ้าอุทุมพรทรงรำคาญพระทัยเลยเสด็จออกทรงผนวชอีก
ส่วนพระเจ้าเอกทัศน์ก็ทรงสำราญและมัวเมาในอิสตรีไม่เอาพระทัยใส่ในการป้องกันบ้านเมือง พม่าล้อมเมือง 1 ปีกับ 2 เดือน ขุดอุโมงค์เผากำแพงพังลงมา บุกเข้ากรุงศรีอยุธยาได้ เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2310 ตรงกับวันอังคาร เดือน 5 ขึ้น 9 ค่ำ ปีกุน นพศก จุลศักราช 1129 ไล่ฆ่าผู้คน ปล้นเมืองจุดไฟเผาทุกสิ่งทุกอย่าง กรุงศรีอยุธยาที่รุ่งเรืองสืบต่อกันมา 417 ปี ก็ถึงกาลพินาศย่อยยับ ไม่อาจฟื้นคืนมาเป็นราชธานีแห่งกรุงสยามอีกต่อไป เป็นอันสิ้นสุดประวัติศาสตร์อันยาวนานของกรุงศรีอยุธยาโดยสิ้นเชิง ซึ่งเกิดจากการแตกสามัคคีและแก่งแย่งชิงดีและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนของคนไทยนั่นเอง
พระมหากษัตริย์ที่ปกครองกรุงศรีอยุธยา
พระมหากษัตริย์ที่ปกครองกรุงศรีอยุธยาตลอดระยะเวลา 417 ปี มีทั้งหมด 33 พระองค์ แบ่งเป็น 5 ราชวงศ์ ดังนี้
1. ราชวงศ์เชียงราย 3 พระองค์
1) สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 | (1913-1931) | ลำดับที่ 1 |
2) สมเด็จพระราเมศวร | (1912-1913) | ลำดับที่ 2 |
(1931-1938) | ||
3) สมเด็จพระรามราชาธิราช | (1938-1952) | ลำดับที่ 5 |
2. ราชวงศ์สุวรรณภูมิ 13 พระองค์
1) สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 | (1913-1931) | ลำดับที่ 3 |
2) พระเจ้าลัน | (1931- ) | ลำดับที่ 4 |
3) สมเด็จพระนครอินทราธิราช | (1952-1967) | ลำดับที่ 6 |
4) สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 | (1967-1991) | ลำดับที่ 7 |
5) สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ | (1991-2031) | ลำดับที่ 8 |
6) สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 | (2031-2034) | ลำดับที่ 9 |
7) สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 | (2034-2072) | ลำดับที่ 10 |
8) สมเด็จพระบรมราชาธิบดีที่ 4 | (2072-2076) | ลำดับที่ 11 |
9) สมเด็จพระรัษฎาธิราชกุมาร | (2076- ) | ลำดับที่ 12 |
10) สมเด็จพระไชยราชาธิราช | (2077-2090) | ลำดับที่ 13 |
11) สมเด็จพระยอดฟ้า | (2090-2091) | ลำดับที่ 14 |
12) สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ | (2091-2106) | ลำดับที่ 15 |
(2111-2112) | ||
13) สมเด็จพระมหินทราธิราช | (2106-2111) | ลำดับที่ 16 |
(2112- ) |
3. ราชวงศ์พระร่วง 7 พระองค์
1) สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช | (2112-2133) | ลำดับที่ 17 |
2) สมเด็จพระนเรศวรมหาราช | (2133-2148) | ลำดับที่ 18 |
3) สมเด็จพระเอกาทศรถ | (2149-2163) | ลำดับที่ 19 |
4) สมเด็จเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ | (2163- ) | ลำดับที่ 20 |
5) สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม | (2163-2171) | ลำดับที่ 21 |
6) สมเด็จพระเชษฐาธิราช | (2171-2172) | ลำดับที่ 22 |
7) สมเด็จพระอาทิตยวงศ์ | (2172- ) | ลำดับที่ 23 |
4. ราชวงศ์ปราสาททอง 4 พระองค์
1) สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง | (2172-2199) | ลำดับที่ 24 |
2) สมเด็จเจ้าฟ้าไชย | (2199- ) | ลำดับที่ 25 |
3) พระศรีสุธรรมราชา | (2199- ) | ลำดับที่ 26 |
4) สมเด็จพระนารายณ์มหาราช | (2199-2231) | ลำดับที่ 27 |
5. ราชวงศ์บ้านพลูหลวง
1) สมเด็จพระเพทราชา | (2231-2246) | ลำดับที่ 28 |
2) สมเด็จพระศรีสรรเพชญที่ 8 | (2246-2252) | ลำดับที่ 29 |
(สมเด็จพระเจ้าเสือ) | ||
3) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ | (2252-2275) | ลำดับที่ 30 |
4) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ | (2276-2301) | ลำดับที่ 31 |
5) สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร | (2301- ) | ลำดับที่ 32 |
6) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่นั่งสุริยามรินทร์ | (2301-2310) | ลำดับที่ 33 |
(พระเจ้าเอกทัศน์) |
คลิกที่นี่ชมประมวลภาพ
บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา
บรรณานุกรม
ดำรงราชานุภาพ,สมเด็จกรมพระยา. พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา.กรุงเทพฯ :โอเดียนสโตว์,2495
บริหารเทพธานี,พระ. ประวัติชาติไทย เล่ม 2. ศิลปาบรรณาคาร, 2541
ปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ. โฉมหน้ากรุงศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ : หนังสือพิมพ์เสียงไทย, 2522
สุดารา สุจฉายา.อยุธยา. กรุงเทพฯ : สารคดี, 2538
อ่านเพิ่มเติมลิ้งค์ด้านล่าง หมวดตำนานไทย
นางนากพระโขนง |
นิทานภาคใต้ |
เพลงไทย |
สรรพลี้หวน |
ประวัติวังหน้า |
คนภาคเหนือ |
เมขลา-รามสูร |
ปริศนาคำทาย|
เก่งเกินครู |
พระราชวังเดิม |
วรรณกรรมใหม่-ตราบจนสิ้นกรรม |
สังเขป ประวัติกรุงศรีอยุธยา |
บั้งไฟพญานาค |
เพลงไทยเดิม |
นิทาน |
นิทาน-นิทานตลกหยาบโลน
ฮวงจุ้ย |
พิษหอยมรณะ |
โจรสลัดแห่งตะรุเตา|
ว่าด้วยเรื่องนิทานพื้นบ้าน |
นิทานพื้นบ้าน-กระต่ายกับหอยขม |
นิทานพื้นบ้าน-กำเนิดปลาโลมา |
นิทานพื้นบ้านไทยทรงดำ-มะหุดแสนเปากับท้าวแสนปม |
หน้าหลัก